
ย้อนอ่านบทสัมภาษณ์ ท่านกิตติ สกลศิลป์ ผู้พิพากษาศาลแขวงพระนครเหนือ ศิษย์เก่านิติเกษตร KU 67, Law KU 03 เคล็ดลับการเรียนนิติศาสตร์
Q: เส้นทางในการเรียนนิติศาสตร์ที่ดี โดยการเรียนในวิชานิติศาสตร์ควรต้องมีทัศนคติในการเรียนอย่างไร
A: การเรียนนิติศาสตร์ที่ดี คือต้องอ่าน เพราะการเรียนนิติศาสตร์ เนื่องจากนิติศาสตร์เป็นการเรียนเกี่ยวกับความคิด ของคนว่ามีข้อคิดเห็นเกี่ยวกับกฎหมาย หรือแนวทางการตีความกฎหมายว่าอย่างไร ดังนั้นหากเปลี่ยนยุคสมัยส่งผลให้ แนวความคิดทางกฎหมายเปลี่ยนแปลงแตกต่างกัน ไม่เหมือนกับวิทยาศาสตร์ หรือคณิตศาสตร์ โดยวิชาฟิสิกส์ เคมี ชีวะ อยู่ตามธรรมชาติ ซึ่งบางคนหากเก่งอยู่แล้วก็ไม่ต้องไปนั่งทบทวนมากโดยแตกต่างกับการเรียนวิชานิติศาสตร์ ซี่งเราไม่มีทางรู้ ได้ว่าความคิดของคนนั้นคิดอย่างไร หากเราไม่อ่าน และไม่ฟัง ด้วยเหตุนี้การอ่าน และฟังจึงเป็นการเรียนรู้ที่ดีอย่างมากต่อแนว ทางการเรียนที่ดีที่สุด โดยทัศนคติต่อการเรียนนิติศาสตร์อย่างไรนั้น น้องต้องรู้ก่อนว่าเรียนนิติศาสตร์ไปเพื่อประกอบอาชีพอะไร หากต้องการเรียนรู้แบบรู้กฎหมายเพื่อไปต่อยอดทางสาขาอาชีพอื่นก็ต้องเรียนเพื่อให้รู้ในลักษณะที่ทําให้โดนหลอกยากขึ้น ซึ่งโดยตรรกะจะเป็นเช่นนั้นอยู่แล้ว หากเรียนไปเพื่อประกอบสายวิชาชีพ คือเป็นผู้พิพากษา อัยการ ทนายความ นิติกร หรือเป็นที่ปรึกษากฎหมาย ทั้งของภาครัฐ หรือเอกชน ซึ่งเป็นการเรียนในลักษณะที่เป็นวิชาชีพ ด้วยเหตุนี้การเรียนในรูปแบบนี้จึง จําเป็นต้องมีจริยธรรม เพราะว่ากฎหมายกระทบต่อส่วนร่วม ดังนั้นเมื่อก้าวเข้าสู่การทํางานในวงการแล้ว ทัศนคติจึงเป็นสิ่งสําคัญโดยต้องดูเพื่อส่วนรวม ซึ่งจากการที่เราได้ศึกษามาจากวิชาหลักกฎหมายทั่วไปของชั้นปี ที่ 1 ได้มีปรมาจารย์ทางด้านกฎหมายของมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ได้กล่าวไว้ว่า “นักกฎหมายเปรียบได้กับ วิศวกรสังคม” ดังนั้น หากวิศวกรไม่ดี คือนักกฎหมายไม่ดี ก็จะส่งผลกระทบต่อสังคมด้วย เพราะฉะนั้น การ เรียนนิติศาสตร์ที่ดี จึงต้องมีจิตใจที่เป็นธรรมโดยนํากฎหมายมาใช้กับสังคมได้อย่างปกติสุข
Q: เทคนิคในการจําที่ดีควรทําอย่างไร
A: น้องไม่จําเป็นต้องจําทุกคํา จําทุกคําพูด เพียงแต่จําคําสําคัญของกฎหมายโดยเรียกว่า คีย์เวิร์ด ซึ่งเป็นสิ่งที่ เปลี่ยนแปลงไม่ได้ ดังนั้นจึงต้องจําไว้ว่าคีย์เวิร์ดในมาตรากฎหมายนั้น ๆ เปลี่ยนแปลงไม่ได้ อาทิ ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 297 คําว่า อันตรายสาหัส เราจะไปแปลความหมายเป็นคําอื่นนอกจากอันตรายสาหัส เช่น อันตรายอย่างมาก อันตราย อย่างรุนแรง ไม่ได้ หรือในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความ คําว่า ฟ้องซ้ำ ก็คือฟ้องซ้ำ ฟ้องซ้อน ก็คือฟ้องซ้อน ดังนั้นจะมา ใช้คําว่า ฟ้องซ้ำฟ้องซ้อนไม่ได้ แต่ทั้งนี้ก็จะมีคําที่อยู่แวดล้อมคีย์เวิร์ดที่จะเป็นจุดเชื่อมโยงทําให้สามารถต่อสืบเนื่องไปยัง คีย์เวิร์ดได้ ซึ่งคําเหล่านี้ไม่จําเป็นต้องเป๊ะเพียงแต่จําคําคีย์เวิร์ดต่าง ๆ ให้แม่นยําก็เพียงพอ
Q: ทำไมอุปสรรค คือแรงผลักดัน
A: การเรียนนิติศาสตร์ต้องอดทน โดยให้ลองคิดว่าโลกเราแคบลง เพราะเรามีโทรศัพท์มือถือ เราสามารถคุยกับเพื่อน อยากรู้อะไรก็ค้นหาในกูเกิ้ลโดยสามารถค้นคว้าข้อมูลในเว็บไซต์ต่าง ๆ ได้หลากหลาย หากเปรียบเทียบกับเรื่องความอดทน ยกตัวอย่างเช่น พระบิดาแห่งกฎหมายไทย พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้ารพีพัฒนศักดิ์ กรมหลวงราชบุรีดิเรกฤทธิ์ ซึ่งเป็น บุตรชายในรัชกาลที่ 5 โดยพระองค์สามารถเลือกที่จะใช้ชีวิตอย่างสุขสบายย่อมทําได้ แต่พระองค์เลือกที่จะเสียสละความสุข ส่วนพระองค์ นั่งเรือจากปากน้ําไปลอนดอน ประเทศอังกฤษ จากนั้นต้องเดิน ทางต่อรถไฟไปยังมหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ด โดยสมมุติว่าหากต้องนั่งเรือเป็นระยะเวลา 5-6 เดือน การเขียนจดหมายสื่อสารต่าง ๆ กลับมายังประเทศไทยคงต้องใช้ ระยะเวลาเดินทางเท่ากันกับการเดินทางผ่านช่องทางเรือ ดังนั้นการส่งจดหมายไปกลับก็ใช้ระยะเวลาประมาณหนึ่งปี การเขียนจดหมายแต่ละครั้งคงได้เพียงประมาณ 1 หน้ากระดาษ ประกอบกับการเรียนในสมัยนั้นคงไม่มีนักเรียนไทยอย่าง แน่นอน เพราะพระองค์ท่านคือพระบิดากฎหมายของไทย จึงเป็นคนไทยคนแรกที่ได้เดินทางไปเรียนกฎหมาย ด้วยเหตุนี้ จึงเป็นคําถามว่าพระองค์ท่านสามารถนํากฎหมายกลับมายังประเทศไทยได้อย่างไร หากพระองค์ท่านไม่เสียสละข้ามน้ำ ข้ามทะเลไปศึกษาต่อเพื่อนํานิติศาสตร์กลับมาทําให้กฎหมายเฟื่องฟูอีกครั้งในประเทศไทยดังนั้นหากเราเห็นความเสียสละของพระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้ารพีพัฒนศักดิ์ เราจึงต้องลองย้อนกลับมามองดูที่ตัวเราว่า“ทําไมแค่นี้เราทําไม่ได้ทําไมแค่นี้เราอดทนไม่ได้ทําไมเพียงแค่ประพฤติตนให้อยู่ในลู่ในทางอยู่ในสิ่งที่ควรจะเป็น ทําให้เรียนจบจึงทําไม่ได้” หากเปรียบเทียบกับพระองค์ท่านที่ต้องเดินทางไปบุกเบิกโดยนําความรู้กลับมาใช้ภายในประเทศ ไทยเพื่อทําให้กฎหมายไทยมีความเป็นสากลว่าต้องทําอย่างไร เมื่อเปรียบเทียบกับตัวเรา เราแค่เรียนสิ่งที่มีมาอยู่แล้วเป็นร้อย หรือเป็นพันปี โดยกฎหมายไทยบางอย่างก็ประยุกต์มาจากเมืองนอก หากเรานําประมวลกฎหมายไทยไปเปิดแปลภาษาไทยไป เป็นอังกฤษไปเรียนก็ยังสามารถทําได้ เพื่อรู้คําศัพท์ก่อนเข้าเรียนทําให้เข้าใจมากยิ่งขึ้น แล้วก็ยังค้นหาข้อมูลผ่านอินเตอร์เน็ต ได้ในปัจจุบันโดยได้เปรียบกว่าพระบิดาเป็นอย่างมาก แล้วทําไมเราถึงย่อท้อ ทําไมจึงไม่อดทน ในเมื่อเราได้เปรียบกว่าพระองค์ ท่าน ด้วยเหตุนี้หากเรายอมแพ้ก็ไม่รู้จะว่าอย่างไรแล้ว เพราะเราแค่เดินตามรอยที่ท่านได้สร้างไว้แล้ว ด้วยเหตุนี้เราต้องอดทน หากเราทําได้เพียงเศษเสี้ยวของพระบิดาแห่งกฎหมายไทย เราก็จะสําเร็จทุกคน
Q: มีอะไรอยากจะฝากถึงคนที่กำลังใฝ่ฝันอยากเป็นผู้พิพากษาไหมครับ
A: จริง ๆ แล้ว กฎหมายก็มีร่างกาย มีชีวิตจิตใจเหมือนมนุษย์คนหนึ่ง แต่เป็นมนุษย์ที่แสนจะขี้งอนเอาแต่ใจ ชอบให้คนเอาใจใส่ ชอบให้คนมีเวลาให้ และชอบคนสม่ำเสมอ เมื่อรู้เขารู้เราเช่นนี้แล้ว การเรียนกฎหมายจึงต้องเอาใจใส่ มีเวลาให้ และสม่ำเสมอ หากทำแบบนี้จนถึงวันสอบ เชื่อว่าคงไม่น่าจะพลาด ไม่ว่าจะลงสอบสนามใดก็ตาม และนั้นก็คือบทสัมภาษณ์พิเศษจาก “พี่เดียว” ท่านกิตติ สกลศิลป์ ปัจจุบันดำรงตำแหน่งผู้พิพากษาศาลแขวงพระนครเหนือ ศิษย์เก่านิติเกษตรรุ่น 03 ทางเราต้องขอขอบพระคุณเป็นอย่างสูงสำหรับการสัมภาษณ์ในครั้งนี้ และอย่าลืมติดตามเพจ ALSA Kasetsart เพื่ออ่านบทสัมภาษณ์ของพี่ศิษย์เก่าเก่ง ๆ แบบนี้อีกนะคะ หากชอบกดไลค์ และแชร์ส่งต่อเพื่อบอกเคล็ดลับดี ๆ แบบนี้กันค่ะ
ท่านกิตติ สกลศิลป์ ผู้พิพากษาศาลแขวงพระนครเหนือ ศิษย์เก่านิติเกษตร KU 67, Law KU 03